1. เปิดสอนภาษาไทยพื้นฐาน ฟัง-พูด-อ่าน และเขียน เป็นการสอนฟรี
สำหรับชาวต่างชาติ
2. เปิดสอนภาษาไทยขั้นกลางฟัง-พูด-อ่าน และเขียน สำหรับชาวต่างชาติ
3. เปิดสอนภาษาไทยขั้นสูง ฟัง-พูด-อ่าน และเขียน สำหรับชาวต่างชาติ
พยัญชนะ
พยัญชนะไทยมี 44 รูป แต่ละตัวมีชื่อเรียกโดยเฉพาะ สามารถแบ่งตามฐานที่ใช้ในการออกเสียงเป็นวรรค เสียงอ่านที่กำกับไว้คือเสียงเมื่อเป็นพยัญชนะต้น
วรรค | ฐานกรณ์ | กักสิถิล | กักธนิตหรือเสียดแทรก | นาสิก |
วรรค กะ | เพดานอ่อน | ก ไก่ [k] | ข ไข่ [kʰ] | ฃ ขวด¹ [kʰ] | ค ควาย [kʰ] | ฅ คน¹ [kʰ] | ฆ ระฆัง [kʰ] | ง งู [ŋ] |
วรรค จะ | เพดานแข็ง | จ จาน [t͡ɕ] | ฉ ฉิ่ง [t͡ɕʰ] | ช ช้าง [t͡ɕʰ] | ซ โซ่ [s] | ฌ เฌอ [t͡ɕʰ] | ญ หญิง [j] |
วรรค ฏะ | ปุ่มเหงือก | ฎ ชฎา [d] | ฏ ปฏัก [t] | ฐ ฐาน [tʰ] | ฑ มณโฑ [tʰ]/[d] | ฒ ผู้เฒ่า [tʰ] | ณ เณร [n] |
วรรค ตะ | ด เด็ก [d] | ต เต่า [t] | ถ ถุง [tʰ] | ท ทหาร [tʰ] | ธ ธง [tʰ] | น หนู [n] |
วรรค ปะ | ริมฝีปาก | บ ใบไม้ [b] | ป ปลา [p] | ผ ผึ้ง [pʰ] | ฝ ฝา [f] | พ พาน [pʰ] | ฟ ฟัน [f] | ภ สำเภา [pʰ] | ม ม้า [m] |
ไตรยางศ์ | กลาง | สูง | ต่ำ |
-
- ฃ และ ฅ เป็นอักษรที่ในปัจจุบันเลิกใช้แล้ว
- อ ถือว่าเป็นเสียงว่างให้รูปสระมาเกาะได้
พยัญชนะไทยยังแบ่งออกเป็น 3 หมู่ เรียกว่า
ไตรยางศ์ ประกอบด้วย
- อักษรสูง 11 ตัว ได้แก่ ข ฃ ฉ ฐ ถ ผ ฝ ศ ษ ส ห
- อักษรกลาง 9 ตัว ได้แก่ ก จ ฎ ฏ ด ต บ ป อ
- อักษรต่ำ 24 ตัว ได้แก่ ค ฅ ฆ ง ช ซ ฌ ญ ฑ ฒ ณ ท ธ น พ ฟ ภ ม ย ร ล ว ฬ ฮ
สระในภาษาไทยมี 21 รูป ซึ่งรูปสระเหล่านี้จะนำไปประกอบเป็นรูปสระที่ใช้จริงอีกต่อหนึ่ง (ดูที่
ภาษาไทย)
วรรณยุกต์
วรรณยุกต์ในภาษาไทยมี 4 รูป 5 เสียง
เสียงวรรณยุกต์ไทยตามหลักภาษาศาสตร์ แบ่งได้ดังนี้
- เสียงสามัญ (ระดับเสียงกึ่งสูง-กลาง)
- เสียงเอก (ระดับเสียงกึ่งต่ำ-ต่ำ)
- เสียงโท (ระดับเสียงสูง-ต่ำ)
- เสียงตรี (ระดับเสียงกึ่งสูง-สูง)
- เสียงจัตวา (ระดับเสียงกึ่งต่ำ-ต่ำ-กึ่งสูง)
รูปวรรณยุกต์
เครื่องหมายวรรณยุกต์ในภาษาไทย มี 4 รูป ดังนี้
ไม้เอก (-่) ไม้โท (-้) ไม้ตรี (-๊) และ ไม้จัตวา (-๋)
การผันเสียงวรรณยุกต์
โดยทั่วไปเสียงพยางค์หนึ่งในภาษาไทย สามารถผันได้ ๕ เสียงวรรณยุกต์ แต่ในภาษาเขียน จะมีกฎเกณฑ์การผันที่ตายตัว ดังนี้
หมู่อักษร-คำเป็นคำตาย | เสียงสามัญ | เสียงเอก | เสียงโท | เสียงตรี | เสียงจัตวา |
อักษรกลาง คำเป็น | กา | ก่า | ก้า | ก๊า | ก๋า |
อักษรกลาง คำตาย สระสั้น | - | กะ | ก้ะ | ก๊ะ | ก๋ะ |
อักษรกลาง คำตาย สระยาว | - | กาบ | ก้าบ | ก๊าบ | ก๋าบ |
อักษรสูง คำเป็น | - | ข่า | ข้า | - | ขา |
อักษรสูง คำตาย สระสั้น | - | ขะ | ข้ะ | - | - |
อักษรสูง คำตาย สระยาว | - | ขาบ | ข้าบ | - | - |
อักษรต่ำ คำเป็น | คา | - | ค่า | ค้า | - |
อักษรต่ำ คำตาย สระสั้น | - | - | ค่ะ | คะ | ค๋ะ |
อักษรต่ำ คำตาย สระยาว | - | - | คาบ | ค้าบ | ค๋าบ |
คำตายของอักษรกลางและอักษรสูง ไม่ว่าสระจะเป็นเสียงสั้นหรือเสียงยาวก็ผันวรรณยุกต์ตามรูปแบบเดียวกัน เว้นแต่คำตายของอักษรต่ำ เมื่อเป็นสระเสียงสั้นหรือเสียงยาวจะผันคนละแบบ
อักษรต่ำและอักษรสูงไม่สามารถผันให้ครบ ๕ เสียงได้ จึงมักจะใช้อักษรเสียงเดียวกันจากอีกหมู่หนึ่งมาใช้เป็นอักษรนำ โดยมีอักษรสูงนำ (ยกเว้นอักษร อ ซึ่งเป็นอักษรกลาง สามารถนำ อักษร ย ได้) เช่น นา หน่า น่า น้า หนา, มี หมี่ มี่ มี้ หมี
ตัวเลข
ตัวเลขที่เป็นอักษรไทย เรียกว่า
เลขไทย มีลักษณะดังนี้
-
- ๐ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙
เครื่องหมายวรรคตอน
รหัสยูนิโคดสำหรับอักษรไทย
ช่วงรหัสยูนิโคด (Unicode) ของอักษรไทย คือ U+0E00 ถึง U+0E7F
พยัญชนะต้น
ภาษาไทยแบ่งแยกรูปแบบเสียงพยัญชนะก้องและพ่นลม ในส่วนของเสียงกักและเสียงผสมเสียงแทรก เป็นสามประเภทดังนี้
- เสียงไม่ก้อง ไม่พ่นลม
- เสียงไม่ก้อง พ่นลม
- เสียงก้อง ไม่พ่นลม
หากเทียบกับ
ภาษาอังกฤษ โดยทั่วไปมีเสียงแบบที่สองกับสามเท่านั้น เสียงแบบที่หนึ่งพบได้เฉพาะเมื่ออยู่หลัง
เอส (S) ซึ่งเป็นเสียงแปรของเสียงที่สอง
เสียงพยัญชนะต้นโดยรวมแบ่งเป็น 21 เสียง ตารางด้านล่างนี้บรรทัดบนคือ
สัทอักษรสากล บรรทัดล่างคืออักษรไทยในตำแหน่งพยัญชนะต้น (อักษรหลายตัวที่ปรากฏในช่องให้เสียงเดียวกัน) อักษรโรมันที่กำกับเป็นระบบถอดอักษรของราชบัณฑิตยสถาน
| ริมฝีปากทั้งสอง | ปุ่มเหงือก | เพดานแข็ง | เพดานอ่อน | เส้นเสียง |
เสียงนาสิก | [m] ม
m
| [n] ณ,น
n
| | [ŋ] ง
ng
| |
เสียงกัก | ก้อง | [b] บ
b
| [d] ฎ,ด
d
| | | |
ไม่ก้อง ไม่มีลม | [p] ป
p
| [t] ฏ,ต
t
| [tɕ] จ
ch
| [k] ก
k
| [ʔ] อ |
ไม่ก้อง มีลม | [pʰ] ผ,พ,ภ
ph
| [tʰ] ฐ,ฑ,ฒ,ถ,ท,ธ
th
| [tɕʰ] ฉ,ช,ฌ
ch
| [kʰ] ข,ฃ,ค,ฅ,ฆ*kh | |
เสียงเสียดแทรก | [f] ฝ,ฟ
f
| [s] ซ,ศ,ษ,ส
s
| | | [h] ห,ฮ
h
|
เสียงเปิด | [w] ว
w
| [l] ล,ฬ
l
| [j] ญ,ย
y
| | |
เสียงรัวลิ้น | | [r] ร
r
| | | |
*
ฃ และ
ฅ เลิกใช้แล้ว ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่าภาษาไทยสมัยใหม่มีพยัญชนะเพียง 42 ตัวอักษร
พยัญชนะสะกด
ถึงแม้ว่าพยัญชนะไทยมี 44 รูป 21 เสียงในกรณีของพยัญชนะต้น แต่ในกรณีพยัญชนะสะกดแตกต่างออกไป สำหรับเสียงสะกดมีเพียง 8 เสียง และรวมทั้งไม่มีเสียงด้วย เรียกว่า มาตรา เสียงพยัญชนะก้องเมื่ออยู่ในตำแหน่งตัวสะกด ความก้องจะหายไป
ในบรรดาพยัญชนะไทย นอกจาก
ฃ และ
ฅ ที่เลิกใช้แล้ว ยังมีพยัญชนะอีก 6 ตัวที่ใช้เป็นตัวสะกดไม่ได้คือ
ฉ ผ ฝ ห อ ฮ ดังนั้นตัวสะกดจึงเหลือเพียง 36 ตัวตามตาราง
อักษรโรมันที่กำกับเป็นระบบถอดอักษรของ
ราชบัณฑิตยสถาน
| ริมฝีปาก ทั้งสอง | ริมฝีปากล่าง -ฟันบน | ปุ่มเหงือก | เพดานแข็ง | เพดานอ่อน | เส้นเสียง |
เสียงนาสิก | | [m] ม
m
| | | [n] ญ, ณ, น, ร, ล, ฬ
n
| | | [ŋ] ง ng | |
เสียงกัก | [p̚] บ, ป, พ, ฟ, ภ
p
| | | [t̚] จ, ช, ซ, ฌ, ฎ, ฏ, ฐ, ฑ, ฒ, ด, ต, ถ, ท, ธ, ศ, ษ, ส
t
| | | [k̚] ก, ข, ค, ฆ k | | [ʔ] * - |
เสียงเปิด | | [w] ว
o (w)
| | | [j] ย
i (y)
| |
* เสียงพยัญชนะกัก เส้นเสียง จะปรากฏเฉพาะหลังสระเสียงสั้นเมื่อไม่มีพยัญชนะสะกด
กลุ่มพยัญชนะ
แต่ละพยางค์ในคำหนึ่ง ๆ ของภาษาไทยแยกออกจากกันอย่างชัดเจน (ไม่เหมือนภาษาอังกฤษที่พยัญชนะสะกดอาจกลายเป็นพยัญชนะต้นในพยางค์ถัดไป หรือในทางกลับกัน) ดังนั้นพยัญชนะหลายตัวของพยางค์ที่อยู่ติดกันจะไม่รวมกันเป็นกลุ่มพยัญชนะเลย
ภาษาไทยมีกลุ่มพยัญชนะเพียงไม่กี่กลุ่ม ประมวลคำศัพท์ภาษาไทยดั้งเดิมระบุว่ามีกลุ่มพยัญชนะ (ที่ออกเสียงรวมกันโดยไม่มีสระอะ) เพียง 11 แบบเท่านั้น เรียกว่า พยัญชนะควบกล้ำ หรือ อักษรควบกล้ำ อักษรโรมันที่กำกับเป็นระบบถอดอักษรของราชบัณฑิตยสถาน
| ริมฝีปาก | ปุ่มเหงือก | เพดานอ่อน |
| พยัญชนะเดี่ยว | /p/ ป p | /pʰ/ ผ, พ ph | /t/ ต t | /k/ ก k | /kʰ/ ข, ฃ, ค, ฅ kh |
เสียงรัว | /r/ ร | /pr/ ปร pr | /pʰr/ พร phr | /tr/ ตร tr | /kr/ กร kr | /kʰr/ ขร, ฃร, คร khr |
เสียงเปิด | /l/ ล | /pl/ ปล pl | /pʰl/ ผล, พล phl | | /kl/ กล kl | /kʰl/ ขล, คล khl |
/w/ ว | | | | /kw/ กว kw/qu | /kʰw/ ขว, ฃว, คว, ฅว khw |
พยัญชนะควบกล้ำมีจำนวนเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยจาก
คำยืมภาษาต่างประเทศ อาทิ
จันทรา จากภาษาสันสกฤต มีเสียง ทร
/tʰr/,
ฟรี จากภาษาอังกฤษ มีเสียง ฟร
/fr/ เป็นต้น เราสามารถสังเกตได้ว่า กลุ่มพยัญชนะเหล่านี้ถูกใช้เป็นพยัญชนะต้นเท่านั้น ซึ่งมีเสียงพยัญชนะตัวที่สองเป็น ร ล หรือ ว และกลุ่มพยัญชนะจะมีเสียงไม่เกินสองเสียงในคราวเดียว การผันวรรณยุกต์ของคำขึ้นอยู่กับ
ไตรยางศ์ของพยัญชนะตัวแรก
สระเสียงสระในภาษาไทยแบ่งออกเป็น 3 ชนิดคือ สระเดี่ยว สระประสม และสระเกิน สะกดด้วยรูปสระพื้นฐานหนึ่งตัวหรือหลายตัวร่วมกัน (ดูที่ อักษรไทย)
สระเดี่ยว หรือ สระแท้ คือสระที่เกิดจากฐานเพียงฐานเดียว มีทั้งสิ้น 18 เสียง อักษรโรมันที่กำกับเป็นระบบถอดอักษรของราชบัณฑิตยสถาน
| ลิ้นส่วนหน้า | ลิ้นส่วนหลัง |
ปากเหยียด | ปากเหยียด | ปากห่อ |
สั้น | ยาว | สั้น | ยาว | สั้น | ยาว |
ลิ้นยกสูง | /i/ –ิ i | /iː/ –ี i | /ɯ/ –ึ ue | /ɯː/ –ื ue | /u/ –ุ u | /uː/ –ู u |
ลิ้นกึ่งสูง | /e/ เ–ะ e | /eː/ เ– e | /ɤ/ เ–อะ oe | /ɤː/ เ–อ oe | /o/ โ–ะ o | /oː/ โ– o |
ลิ้นกึ่งต่ำ | /ɛ/ แ–ะ ae | /ɛː/ แ– ae | | | /ɔ/ เ–าะ o | /ɔː/ –อ o |
ลิ้นลดต่ำ | | | /a/ –ะ a | /aː/ –า a | | |
|  สระเดี่ยว |  สระประสม |
สระประสม คือสระที่เกิดจากสระเดี่ยวสองเสียงมาประสมกัน เกิดการเลื่อนของลิ้นในระดับสูงลดลงสู่ระดับต่ำ ดังนั้นจึงสามารถเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "สระเลื่อน" มี 3 เสียงดังนี้
- เ–ีย /iːa/ ประสมจากสระ อี และ อา ia
- เ–ือ /ɯːa/ ประสมจากสระ อือ และ อา uea
- –ัว /uːa/ ประสมจากสระ อู และ อา ua
ในบางตำราจะเพิ่มสระสระประสมเสียงสั้น คือ เ–ียะ เ–ือะ –ัวะ ด้วย แต่ในปัจจุบันสระเหล่านี้ปรากฏเฉพาะคำเลียนเสียงเท่านั้น เช่น เพียะ เปรี๊ยะ ผัวะ เป็นต้น
สระเสียงสั้น | | สระเสียงยาว | | สระเกิน |
ไม่มีตัวสะกด | มีตัวสะกด | | ไม่มีตัวสะกด | มีตัวสะกด | | ไม่มีตัวสะกด | มีตัวสะกด |
–ะ | –ั–1, -รร, -รร- | | –า | –า– | | –ำ | (ไม่มี) |
–ิ | –ิ– | | –ี | –ี– | | ใ– | (ไม่มี) |
–ึ | –ึ– | | –ือ | –ื– | | ไ– | (ไม่มี) |
–ุ | –ุ– | | –ู | –ู– | | เ–า | (ไม่มี) |
เ–ะ | เ–็–, เ––2 | | เ– | เ–– | | ฤ, –ฤ | ฤ–, –ฤ– |
แ–ะ | แ–็–, แ––2 | | แ– | แ–– | | ฤๅ, –ฤๅ | (ไม่มี) |
โ–ะ | –– | | โ– | โ–– | | ฦ, –ฦ | ฦ–, –ฦ– |
เ–าะ | –็อ–, -อ-2 | | –อ | –อ–, ––3 | | ฦๅ, –ฦๅ | (ไม่มี) |
–ัวะ | –็ว– | | –ัว | –ว– | | | |
เ–ียะ | (ไม่มี) | | เ–ีย | เ–ีย– | | | |
เ–ือะ | (ไม่มี) | | เ–ือ | เ–ือ– | | | |
เ–อะ | เ–ิ–4, เ––4 | | เ–อ | เ–ิ–, เ––5, เ–อ–6 | | | |
สระเกิน คือสระที่มีเสียงของพยัญชนะปนอยู่ มี 8 เสียงดังนี้
- –ำ /am, aːm/ am ประสมจาก อะ + ม (อัม) เช่น ขำ บางครั้งออกเสียงยาวเวลาพูด (อาม) เช่น น้ำ
- ใ– /aj, aːj/ ai ประสมจาก อะ + ย (อัย) เช่น ใจ บางครั้งออกเสียงยาวเวลาพูด (อาย) เช่น ใต้
- ไ– /aj, aːj/ ai ประสมจาก อะ + ย (อัย) เช่น ไหม้ บางครั้งออกเสียงยาวเวลาพูด (อาย) เช่น ไม้
- เ–า /aw, aːw/ ao ประสมจาก อะ + ว (เอา) เช่น เกา บางครั้งออกเสียงยาวเวลาพูด (อาว) เช่น เก้า
- ฤ /rɯ/ rue, ri, roe ประสมจาก ร + อึ (รึ) เช่น ฤกษ์ บางครั้งเปลี่ยนเป็น /ri/ (ริ) เช่น กฤษณะ หรือ /rɤː/ (เรอ) เช่นฤกษ์
- ฤๅ /rɯː/ rue ประสมจาก ร + อือ (รือ)
- ฦ /lɯ/ lue ประสมจาก ล + อึ (ลึ)
- ฦๅ /lɯː/ lue ประสมจาก ล + อือ (ลือ)
บางตำราก็ว่าสระเกินเป็น
พยางค์ ไม่ถูกจัดว่าเป็นสระ
สระบางรูปเมื่อมีพยัญชนะสะกด จะมีการเปลี่ยนแปลงรูปสระ สามารถสรุปได้ตามตารางด้านขวา
- คำที่สะกดด้วย –ั + ว นั้นไม่มี เพราะซ้ำกับ –ัว แต่เปลี่ยนไปใช้ เ–า แทน
- สระ เ-ะ แ-ะ เ-าะ ที่มีวรรณยุกต์ ใช้รูปเดียวกับสระ เ– แ- -อ ตามลำดับ เช่น เผ่น เล่น แล่น แว่น ผ่อน กร่อน
- คำที่สะกดด้วย –อ + ร จะลดรูปเป็น –ร ไม่มีตัวออ เช่น พร ศร จร ซึ่งก็จะไปซ้ำกับสระ โ–ะ ดังนั้นคำที่สะกดด้วย โ–ะ + ร จึงไม่มี
- สระ เ–อะ ที่มีตัวสะกดใช้รูปเดียวกับสระ เ–อ[4] เช่น เงิน เปิ่น เห่ย
- คำที่สะกดด้วย เ–อ + ย จะลดรูปเป็น เ–ย ไม่มีพินทุ์อิ เช่น เคย เนย เลย ซึ่งก็จะไปซ้ำกับสระ เ– อย่างไรก็ตาม คำที่สะกดด้วย เ– + ย จะไม่มีในภาษาไทย
- พบได้น้อยคำ เช่น เทอญ เทอม
วรรณยุกต์
เสียงวรรณยุกต์
คำเป็น
เสียงวรรณยุกต์ ในภาษาไทย (เสียงดนตรีหรือเสียงผัน) จำแนกออกได้เป็น 5 เสียง ได้แก่
เสียงวรรณยุกต์ | ตัวอย่าง |
เสียง | ระดับเสียง | อักษรไทย | สัทอักษรสากล |
หน่วยเสียง | เสียง |
สามัญ | กลาง | นา | /nāː/ | [naː˧] |
เอก | กึ่งต่ำ-ต่ำ หรือ ต่ำอย่างเดียว | หน่า | /nàː/ | [naː˨˩] หรือ [naː˩] |
โท | สูง-ต่ำ | น่า/หน้า | /nâː/ | [naː˥˩] |
ตรี | กึ่งสูง-สูง หรือ สูงอย่างเดียว | น้า | /náː/ | [naː˦˥] หรือ [naː˥] |
จัตวา | ต่ำ-กึ่งสูง | หนา | /nǎː/ | [naː˩˩˦] หรือ [naː˩˦] |
คำตาย
เสียงวรรณยุกต์ในคำตายสามารถมีได้แค่เพียง 3 เสียงวรรณยุกต์ คือ เสียงเอก เสียงโท และ เสียงตรี โดยขึ้นอยู่กับความสั้นความยาวของสระ เสียงเอกสามารถออกเสียงควบคู่กับได้สระสั้นหรือยาว เสียงตรีสามารถออกเสียงควบคู่กับสระสั้น และ เสียงโทสามารถออกเสียงควบคู่กับสระยาว อาทิ
เสียง | สระ | ตัวอย่าง |
อักษรไทย | หน่วยเสียง | เสียง |
เอก | สั้น | หมัก | /màk/ | [mak̚˨˩] |
ยาว | หมาก | /màːk/ | [maːk̚˨˩] |
ตรี | สั้น | มัก | /mák/ | [mak̚˦˥] |
โท | ยาว | มาก | /mâːk/ | [maːk̚˥˩] |
แต่อย่างใดก็ดี ในคำยืมบางคำที่มีรากศัพท์มาจาก
ภาษาอังกฤษ คำตายสามารถมีเสียงตรีควบคู่กับสระยาว และเสียงโทควบคู่กับสระสั้นได้ด้วย อาทิ
เสียง | สระ | ตัวอย่าง |
อักษรไทย | หน่วยเสียง | เสียง | อังกฤษ |
ตรี | ยาว | มาร์ก | /máːk/ | [maːk̚˦˥] | Marc, Mark |
สตาร์ต | /sa.táːt/ | [sa.taːt̚˦˥] | start |
บาส (เกตบอล) | /báːt (.kêt.bɔ̄n) / | [baːt̚˦˥ (.ket̚˥˩.bɔn˧)] | basketball |
โท | สั้น | เมคอัพ | /méːk.ʔâp/ | [meːk̚˦˥.ʔap̚˥˩] | make-up |
รูปวรรณยุกต์
ส่วน รูปวรรณยุกต์ มี 4 รูป ได้แก่
รูปวรรณยุกต์ | ชื่อ |
ไทย | สัทอักษร |
-่ | ไม้เอก | /máːj.ʔèːk/ |
-้ | ไม้โท | /máːj.tʰōː/ |
-๊ | ไม้ตรี | /máːj.trīː/ |
-๋ | ไม้จัตวา | /máːj.t͡ɕàt.ta.wāː/ |
การเขียนเสียงวรรณยุกต์
ทั้งนี้คำที่มีรูปวรรณยุกต์เดียวกัน ไม่จำเป็นต้องมีระดับเสียงวรรณยุกต์เดียวกัน ขึ้นอยู่กับระดับเสียงของอักษรนำด้วย เช่น ข้า (ไม้โท) ออกเสียงโทเหมือน ค่า (ไม้เอก) เป็นต้น
| รูปวรรณยุกต์ |
ไม่เขียน | -่ | -้ | -๊ | -๋ |
อักษร | สูง | เสียงจัตวา | เสียงเอก | เสียงโท | - | - |
ตัวอย่าง | ขา | ข่า | ข้า | - | - |
|
กลาง | เสียงสามัญ | เสียงเอก | เสียงโท | เสียงตรี | เสียงจัตวา |
ตัวอย่าง | ปา | ป่า | ป้า | ป๊า | ป๋า |
|
ต่ำ | เสียงสามัญ | เสียงโท | เสียงตรี | - | - |
ตัวอย่าง | คา | ค่า | ค้า | - | - |
ไวยากรณ์
ภาษาไทยเป็นภาษาคำโดด คำในภาษาไทยจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูปไม่ว่าจะอยู่ในกาล (
tense) การก (
case) มาลา (
mood) หรือวาจก (
voice) ใดก็ตาม คำในภาษาไทยไม่มีลิงก์ (
gender) ไม่มีพจน์ (
number) ไม่มีวิภัตติปัจจัย แม้คำที่รับมาจากภาษาผันคำ (ภาษาที่มีวิภัตติปัจจัย) เป็นต้นว่าภาษาบาลีสันสกฤต เมื่อนำมาใช้ในภาษาไทย ก็จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูป คำในภาษาไทยหลายคำไม่สามารถกำหนดหน้าที่ของคำตายตัวลงไปได้ ต้องอาศัยบริบทเข้าช่วยในการพิจารณา เมื่อต้องการจะผูกประโยค ก็นำเอาคำแต่ละคำมาเรียงติดต่อกันเข้า ภาษาไทยมีโครงสร้างแตกกิ่งไปทางขวา
คำคุณศัพท์จะวางไว้หลัง
คำนาม ลักษณะทาง
วากยสัมพันธ์โดยรวมแล้วจะเป็นแบบ 'ประธาน-กริยา-กรรม'
วากยสัมพันธ์
ลักษณะทาง
วากยสัมพันธ์หรือการเรียงลำดับคำในประโยคโดยรวมแล้วจะเรียงเป็น 'ประธาน-กริยา-กรรม' (subject-verb-object หรือ SVO) อย่างใดก็ดี ในบางกรณีเช่นในกรณีที่มีการเน้นความหมายของกรรม (
topicalization) สามารถเรียงประโยคเป็น กรรม-ประธาน-กริยา ได้ด้วย แต่ต้องใช้คำชี้เฉพาะเติมหลังคำกรรมคำนั้น อาทิ
กรณี | ลำดับคำ | ตัวอย่าง |
ธรรมดา (unmarked) | ประธาน-กริยา-กรรม | วัวกินหญ้าแล้ว |
เน้นกรรม (object topicalization) | กรรม-ประธาน-กริยา | หญ้านี้ วัวกินแล้ว หรือ หญ้าเนียะ วัวกินแล้ว |
สำเนียงย่อย
สำเนียงถิ่นในภาษาไทย สามารถแบ่งได้ดังนี้
กลุ่มภาษาถิ่น | พื้นที่ที่ใช้เป็นภาษาหลัก |
ภาษาไทยที่ราบภาคกลาง | สามารถจำแนกได้อีกเป็นภาคกลางตะวันออกคือ: จังหวัดพระนครศรีอยุธยา, จังหวัดนครนายก, จังหวัดนครสวรรค์, จังหวัดลพบุรี, จังหวัดสมุทรปราการ, จังหวัดสมุทรสงคราม, จังหวัดสมุทรสาคร, จังหวัดสระบุรี, จังหวัดสระแก้ว, จังหวัดจันทบุรี, จังหวัดปราจีนบุรี, พื้นที่ส่วนใหญ่ในจังหวัดตราด, พื้นที่เกือบทั้งหมดในจังหวัดฉะเชิงเทรา, จังหวัดนนทบุรีและจังหวัดปทุมธานี และกรุงเทพมหานคร (ฝั่งธนบุรีและฝั่งมีนบุรี) |
สามารถจำแนกได้อีกเป็นภาคกลางตะวันตกคือ: จังหวัดสุพรรณบุรี, จังหวัดอ่างทอง, จังหวัดชัยนาท, จังหวัดนครปฐม, จังหวัดสิงห์บุรี, จังหวัดอุทัยธานี, พื้นที่ส่วนใหญ่ในจังหวัดกาญจนบุรี, อำเภออุ้มผาง, จังหวัดระยอง และ อำเภอสัตหีบ |
ภาษาไทยเมืองหลวง | กรุงเทพมหานคร (ฝั่งพระนครริมแม่น้ำเจ้าพระยา), จังหวัดนนทบุรี (บางส่วนของอำเภอเมืองและอำเภอปากเกร็ด), บางส่วนในอำเภอเมืองปทุมธานี, อำเภอบางปะกง, จังหวัดชลบุรี (ยกเว้นอำเภอสัตหีบ), อำเภอหาดใหญ่, บางส่วนในอำเภอบ้านดอน, บางส่วนในอำเภอนางรอง และตามชุมชนเมืองต่างๆ |
ภาษาไทยสุโขทัย | จังหวัดสุโขทัย, จังหวัดพิษณุโลก, จังหวัดพิจิตร, จังหวัดกำแพงเพชร และบางส่วนของจังหวัดอุตรดิตถ์ |
ภาษาไทยตะวันตกเฉียงใต้ | จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (ยกเว้นอำเภอทับสะแก, อำเภอบางสะพานและอำเภอบางสะพานน้อย), จังหวัดเพชรบุรี, จังหวัดราชบุรี |
ภาษาไทยโคราช* | จังหวัดนครราชสีมา (ยกเว้น อำเภอปักธงชัย, อำเภอสูงเนิน และ อำเภอบัวใหญ่), บางส่วนของจังหวัดชัยภูมิ, บางส่วนของจังหวัดเพชรบูรณ์ |
- หมายเหตุ บางครั้งภาษาไทยถิ่นนี้อาจถูกจำแนกเป็นอีกภาษา
การยืมคำจากภาษาอื่น
ภาษาไทยเป็นภาษาหนึ่งที่มีการยืมคำมาจากภาษาอื่น ๆ ค่อนข้างสูงมาก มีทั้งแบบยืมมาจากภาษาในตระกูลภาษาไท-กะได ด้วยกันเอง และข้ามตระกูลภาษา โดยส่วนมากจะยืมมาจาก
ภาษาบาลีภาษาสันสกฤต และ
ภาษาเขมร ซึ่งมีทั้งรักษาคำเดิม ออกเสียงใหม่ สะกดใหม่ หรือเปลี่ยนความหมายใหม่ อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างรวมกัน
บางครั้งเป็นการยืมมาซ้อนคำ เกิดเป็น
คำซ้อน คือ คำย่อยในคำหลัก มีความหมายเดียวกันทั้งสอง เช่น
- ดั้งจมูก โดยมีคำว่าดั้ง เป็นคำในภาษาไท ส่วนจมูก เป็นคำในภาษาเขมร
- อิทธิฤทธิ์ มาจาก อิทธิ (iddhi) ในภาษาบาลี ซ้อนกับคำว่า ฤทธิ (ṛddhi) ในภาษาสันสกฤต โดยทั้งสองคำมีความหมายเดียวกัน
คำจำนวนมากในภาษาไทย ไม่ใช้คำในกลุ่มภาษาไท แต่เป็นคำที่ยืมมาจากกลุ่มภาษาสันสกฤต-ปรากฤต โดยมีตัวอย่างดังนี้
- รักษารูปเดิม หรือเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
- วชิระ (บาลี: วชิระ [vajira]), วัชระ (สันส: วัชร [vajra])
- ศัพท์ (สันส: ศัพทะ [śabda]), สัท (เช่น สัทอักษร) (บาลี: สัททะ [sadda])
- อัคนี และ อัคคี (สันส: อัคนิ [agni] บาลี: อัคคิ [aggi])
- โลก (โลก) – บาลี-สันส: โลกะ [loka]
- ญาติ (ยาด) – บาลี: ญาติ (ยา-ติ) [ñāti]
- เสียง พ มักแผลงมาจาก ว
- เพียร (มาจาก พิริยะ และมาจาก วิริยะ อีกทีหนึ่ง) (สันส:วีรยะ [vīrya], บาลี:วิริยะ [viriya])
- พฤกษา (สันส:วฤกษะ [vṛkṣa])
- พัสดุ (สันส: [vastu] (วัสตุ); บาลี: [vatthu] (วัตถุ) )
- เสียง -อระ เปลี่ยนมาจาก -ะระ
- หรดี (หอ-ระ-ดี) (บาลี:หรติ [harati] (หะระติ))
- เสียง ด มักแผลงมาจาก ต
- หรดี (หอ-ระ-ดี) (บาลี:หรติ [harati] (หะระติ))
- เทวดา (บาลี:เทวะตา [devatā])
- วัสดุ และ วัตถุ (สันส: [vastu] (วัสตุ); บาลี: [vatthu] (วัตถุ))
- กบิลพัสดุ์ (กะ-บิน-ละ-พัด) (สันส: [kapilavastu] (กปิลวัสตุ); บาลี: [kapilavatthu] (กปิลวัตถุ))
- เสียง บ มักแผลงมาจาก ป
- กบิลพัสดุ์ (กะ-บิน-ละ-พัด) (สันส: [kapilavastu] (กปิลวัสตุ); บาลี: [kapilavatthu] (กปิลวัตถุ))
- บุพเพ และ บูรพ (บาลี: [pubba] (ปุพพ))
ภาษาอังกฤษ