จับหนุ่มเขมรนำเด็กมาบังคับเป็นขอทานเช้ายันค่ำ
"ปคม." จับกุมหนุ่มเขมร ผู้ต้องหาค้ามนุษย์นำ เด็กชาย 2 รายชาติเดียวกัน
มาบังคับขอทานหน้าห้างดังตั้งแต่เช้ายันค่ำ ตะลึงหลักฐานโอนเงินกลับเขมรกว่า 1.5 แสน แต่ผู้ต้องหายังปฏิเสธ
วันนี้ (26 ม.ค.) พล.ต.ต.ชวลิต แสวงพืชน์
ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (ผบก.ปคม.)
แถลงข่าวจับกุมนายสก จัน อายุ 24 ปี สัญชาติกัมพูชา
ผู้ต้องหาค้ามนุษย์นำเด็กมาขอทาน พร้อมของกลางกล่องรับบริจาค 3 กล่อง สมุดบัญชี หลักฐานการนำเงินฝากธนาคาร โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง และเงินจำนวน 4,100 บาท
หลังจากก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปคม. สืบทราบว่า
ได้มีการนำเด็กใส่ชุดนักเรียนมาขอทานที่บริเวณห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่านบางกะปิ
และงามวงศ์วาน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงลงพื้นที่ตรวจสอบพฤติกรรมเด็กขอทานซึ่งอาจตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์
ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบทราบโดยละเอียดและติดตามพฤติกรรมเด็กจนแน่ชัดแล้วว่าเด็กชายขอทาน
2 คน มีอายุต่ำกว่า 15 ปี
ได้ถูกบังคับมาขอทาน เมื่อขอทานเสร็จจะนำเงินไปให้กับผู้ต้องหา
ที่ห้องพักซอยลาดพร้าว 47 เขตวังทองหลาง กทม.
จึงได้นำกำลังเข้าจับกุมผู้ต้องหา โดยพบผู้ต้องหาเพิ่มอีก 2 ราย
เป็นชาวกัมพูชา ซึ่งขณะนี้ได้ถูกส่งตัวไปดำเนินคดีที่ สน.โชคชัย
ในความผิดฐานเข้าเมืองโดยผิดกฏหมาย
จากการสอบถามเด็กชายชาวกัมพูชาทั้งสองคนให้การสอดคล้องกันว่า
ผู้ต้องหาเป็นคนไปนำตัวมาจากประเทศกัมพูชา เพื่อให้มาขอทาน
โดยต้องขอทานให้ได้อย่างต่ำวันละ 200 บาท ตั้งแต่เวลา 07.00
น.-21.00 น.
หากวันไหนขอทานทานไม่ได้ตามจำนวนก็จะถูกจดบัญชีหนี้สินไว้ ด้าน นายสก จัน
ผู้ต้องหา ให้การอ้างว่าเด็กทั้งสองคนมีญาติมาฝากไว้ และตนไม่รู้ว่าเด็กไปขอทาน
และตนได้พักอาศัยอยู่ที่กรุงเทพมา 2-3 เดือนแล้ว
ซึ่งประกอบอาชีพรับเหมาก่อสร้าง
พล.ต.ต.ชวลิต กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ
มีพยานหลักฐานแน่ชัด ว่าผู้ต้องหาทำความผิดจริง
และยังพบหลักฐานการโอนเงินที่ได้จากการขอทานกลับไปยังประเทศกัมพูชากว่า 1.5 แสนบาท
พร้อมแจ้งข้อหาค้ามนุษย์โดยใช้เด็กเป็นเครื่องมือ ซึ่งเป็นความผิดตาม
พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ และ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก มีบทลงโทษจำคุก 8
เดือนถึง 15 ปี และปรับตั้งแต่ 6 หมื่นบาท ถึง 3 แสนบาท
และฝากเตือนไปยังประชาชนชาวไทยว่าขบวนการเหล่านี้จะใช้นิสัยเอื้อ เฟื้อของคนไทยในการหาเงินซึ่งหากให้เงินไปจะเป็นการสนับสนุนขบวนการค้า
มนุษย์โดยใช้เด็กเป็นเครื่องมือในการแสวงหาประโยชน์
